เส้นทางอาชีพ

อาชีพหลังจบการศึกษา

Opportunities for Career after Graduation

อาชีพของสารสนเทศการลงทุน ซึ่งเป็นที่ต้องการในปัจจุบัน มีอยู่ 7 สายอาชีพ ได้แก่

1.นักลงทุน
Investor

นักลงทุน (Investor) เป็นบุคคลหรือองค์กรที่ลงทุนเงินในทรัพย์สินหรือตลาดการเงินเพื่อเพิ่มมูลค่าของเงินหรือทรัพย์สินของตนเองในอนาคต การลงทุนมีหลายประเภทและรูปแบบต่าง ๆ ซึ่งมีระดับความเสี่ยงและรายได้ที่แตกต่างกันไป นักลงทุนมักต้องทำการวิเคราะห์และตัดสินใจในการลงทุนเพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่ดีที่สุดตามเป้าหมายการเงินของตนเอง นี่คือบางส่วนของอาชีพนักลงทุน:

  1. นักลงทุนรายย่อย (Retail Investors): นักลงทุนรายย่อยคือบุคคลทั่วไปที่ลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ หรือตลาดอื่น ๆ โดยใช้เงินที่พวกเขามีในมือ หรือบางครั้งอาจใช้บริษัทหลักทรัพย์เพื่อช่วยในการลงทุน
  2. นักลงทุนมืออาชีพ (Professional Investors): นักลงทุนมืออาชีพคือผู้ลงทุนที่มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ในการลงทุน พวกเขาอาจเป็นบุคคลธรรมดาที่ลงทุนเงินเองหรือเป็นผู้จัดการกองทุนลงทุนที่จัดการกองทุนในนามของลูกค้า
  3. นักลงทุนทางกลยุทธ์ (Strategic Investors): นักลงทุนทางกลยุทธ์คือผู้ที่ลงทุนในธุรกิจหรือโครงการที่มีแผนกลยุทธ์หรือวิสัยทานการทำกำไรแบบเฉพาะเจาะจง เช่น การลงทุนในธุรกิจเริ่มต้น (Startups) หรือการลงทุนในระยะเวลาสั้นรับเพื่อทำกำไร
  4. นักลงทุนทางทรัพย์สิน (Real Estate Investors): นักลงทุนทางทรัพย์สินลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ เช่น บ้าน อาคารพาณิชย์ หรือที่ดิน เพื่อเพิ่มมูลค่าและรายได้
  5. นักลงทุนทางการลงทุน (Venture Capitalists): นักลงทุนทางการลงทุนลงทุนในธุรกิจเริ่มต้นและธุรกิจเทคโนโลยีสูง เพื่อสนับสนุนการพัฒนาและขยายกิจการของธุรกิจเหล่านี้
  6. นักลงทุนทางอุตสาหกรรม (Angel Investors): นักลงทุนทางอุตสาหกรรมคือบุคคลที่ลงทุนเงินในธุรกิจเริ่มต้นเพื่อช่วยในการขยายกิจการและพัฒนาผลิตภัณฑ์
  7. นักลงทุนทางธุรกิจ (Business Investors): นักลงทุนทางธุรกิจคือบุคคลหรือบริษัทที่ลงทุนในธุรกิจเพื่อรับส่วนแบ่งหุ้นหรือกำไรจากกิจการนั้น ๆ

การลงทุนเป็นกระบวนการที่ต้องทำการวิเคราะห์และตัดสินใจอย่างรอบคอบ เนื่องจากมีความเสี่ยงเกี่ยวข้อง นักลงทุนจะต้องมีความรู้และความเข้าใจในตลาดและสินทรัพย์ที่พวกเขาลงทุนเข้า การวางแผนการลงทุนและการดูแลรักษาพอร์ตการลงทุนเป็นส่วนหลักสำคัญในอาชีพนักลงทุน

เงินเดือน :

ตามผลตอบแทนที่คาดหวัง

2.ผู้ให้คำแนะนำด้านการลงทุน
Investment Consultant (IC)

นักวางแผนทางการเงิน (Financial Planner) เป็นบุคคลที่มีความเชี่ยวชาญในการช่วยบุคคลหรือครอบครัวในการวางแผนการเงินและการบริหารการเงินเพื่อให้บรรลุเป้าหมายทางการเงินในอนาคตที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัย อาชีพนี้มุ่งเน้นการช่วยให้ลูกค้ามีการเตรียมความพร้อมทางการเงินและสร้างแผนการเงินที่เหมาะสมในการเงินส่วนตัวและอาจช่วยในการวางแผนการเงินสำหรับเรื่องเกษียณอายุ การลงทุน การออมเงิน และการบริหารหนี้สิน เป็นต้น

หน้าที่และความรับผิดชอบของนักวางแผนทางการเงินประกอบด้วย:

  1. การวิเคราะห์สถานะการเงิน: นักวางแผนทางการเงินจะทำการวิเคราะห์สถานะการเงินปัจจุบันของลูกค้าโดยรวมทั้งรายรับรายจ่าย, สินทรัพย์, หนี้สินและเป้าหมายการเงินของลูกค้า
  2. การวางแผนการเงิน: นักวางแผนทางการเงินช่วยให้ลูกค้ากำหนดเป้าหมายการเงินและวางแผนการเงินเพื่อบรรลุเป้าหมายนั้น รวมถึงการวางแผนการเงินสำหรับเรื่องเกษียณอายุ, การลงทุน, การออมเงิน, การบริหารหนี้สิน เป็นต้น
  3. การแนะนำการลงทุน: นักวางแผนทางการเงินช่วยลูกค้าในการเลือกและแนะนำวิธีการลงทุนที่เหมาะกับเป้าหมายการเงินและความเสี่ยงทางการเงินของลูกค้า
  4. การจัดการภาษี: นักวางแผนทางการเงินอาจช่วยลูกค้าในการวางแผนภาษีที่เป็นประโยชน์ที่สุด
  5. การประเมินและปรับปรุง: นักวางแผนทางการเงินต้องติดตามและประเมินการวางแผนการเงินของลูกค้าเพื่อปรับปรุงตามเป็นระยะเวลา
  6. การให้คำปรึกษาและการศึกษา: นักวางแผนทางการเงินให้คำปรึกษาและการศึกษาเกี่ยวกับเรื่องการเงินและการลงทุน
  7. การควบคุมความเสี่ยง: นักวางแผนทางการเงินช่วยให้ลูกค้าเข้าใจและจัดการกับความเสี่ยงทางการเงินที่อาจเกิดขึ้น

การเป็นนักวางแผนทางการเงินต้องการความรู้และความเชี่ยวชาญทางการเงินที่เหมาะสมเพื่อช่วยให้ลูกค้ามีความมั่นใจในการเงินของพวกเขาและบรรลุเป้าหมายการเงินของตนเองอย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัยในระยะยาวและระยะสั้นของชีวิตในอนาคต

เงินเดือน :

25,000-300,000 บาท

3.นักวิเคราะห์การลงทุน
Investment Analyst

นักวิเคราะห์การลงทุน (Investment Analyst) เป็นบุคคลที่มีความเชี่ยวชาญในการทำการวิเคราะห์และประเมินการลงทุนเพื่อให้คำแนะนำแก่นักลงทุน โดยส่วนใหญ่เป็นบุคคลที่ทำงานในสถาบันการเงินเช่น บริษัทหลักทรัพย์, ธนาคาร, กองทุนลงทุน, หรือบริษัทที่มีกิจกรรมการลงทุนเป็นหลัก หน้าที่หลักของนักวิเคราะห์การลงทุนประกอบด้วย:

  1. การวิเคราะห์หลักทรัพย์: การตรวจสอบและวิเคราะห์หลักทรัพย์แต่ละประเภท เช่น หุ้น, ตราสารหนี้, และสินทรัพย์ทางการเงิน เพื่อหาข้อมูลเกี่ยวกับประสิทธิภาพการลงทุนของมัน
  2. การวิเคราะห์ตลาด: การสำรวจและทำการวิเคราะห์ในเรื่องของแนวโน้มของตลาดการเงิน ปัจจัยทางเศรษฐกิจ และเหตุการณ์ที่อาจมีผลต่อราคาของหลักทรัพย์
  3. การประเมินความเสี่ยง: การประเมินความเสี่ยงทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนและหาวิธีในการจัดการความเสี่ยงนั้น ๆ
  4. การวิเคราะห์ทางเทคนิค: การใช้เครื่องมือและวิธีการวิเคราะห์ทางเทคนิคเพื่อทำนายและประเมินผลตอบแทนที่เป็นไปได้จากการลงทุน
  5. การวิเคราะห์ธุรกิจ: การสำรวจโครงสร้างของธุรกิจและปัจจัยที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพทางการเงินของบริษัท
  6. การทำรายงาน: การรายงานผลการวิเคราะห์และคำแนะนำให้แก่ลูกค้าหรือผู้บริหารทางการลงทุน
  7. การติดตามผลการลงทุน: การตรวจสอบและรายงานผลตอบแทนที่ได้จากการลงทุนเพื่อให้กับลูกค้าหรือผู้บริหาร
  8. การวางแผนการลงทุน: การทำแผนการลงทุนระยะยาวและระยะสั้นให้ตรงกับเป้าหมายและความเสี่ยงของลูกค้า

นักวิเคราะห์การลงทุนต้องมีความรู้ทางการเงิน, ความเข้าใจในตลาดทางการเงิน, ทักษะในการใช้เครื่องมือทางเทคนิค, และความสามารถในการทำการวิเคราะห์อย่างเป็นระบบ เพื่อให้สามารถให้คำแนะนำแก่นักลงทุนในการตัดสินใจในการลงทุนอย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัยสำหรับเป้าหมายทางการเงินของพวกเขา

เงินเดือน :

30,000 – 500,000 บาท

4.นักวางแผนทางการเงิน
Financial Planner

นักวางแผนการเงิน (Financial Planner) เป็นบุคคลที่มีความเชี่ยวชาญในการช่วยบุคคลหรือองค์กรวางแผนและจัดการการลงทุนเพื่อให้บรรลุเป้าหมายการเงินและการลงทุนที่เหมาะสม ความเสี่ยงทางการเงิน และระยะเวลาการลงทุนของลูกค้า เหมาะสำหรับนักวางแผนการลงทุนคือคนที่เข้าใจเกี่ยวกับตลาดทางการเงินและมีความรู้ทางการเงินที่เหมาะสมในการให้คำแนะนำและวางแผนการลงทุนให้เหมาะกับเป้าหมายของลูกค้า หน้าที่และความรับผิดชอบของนักวางแผนการลงทุนประกอบด้วย:

  1. การวิเคราะห์สถานะการเงิน: การประเมินสถานะการเงินปัจจุบันของลูกค้าโดยให้ความสำคัญกับรายรับ, รายจ่าย, สินทรัพย์, หนี้สิน และเป้าหมายการเงินของลูกค้า
  2. การวางแผนการลงทุน: การช่วยลูกค้าในการกำหนดเป้าหมายการเงินและวางแผนการลงทุนเพื่อบรรลุเป้าหมายนั้น รวมถึงการวางแผนการลงทุนสำหรับเรื่องเกษียณอายุ, การลงทุนในหลักทรัพย์, การออมเงิน, และการจัดการหนี้สิน
  3. การแนะนำการลงทุน: การช่วยเลือกและแนะนำวิธีการลงทุนที่เหมาะสมสำหรับเป้าหมายการเงินและความเสี่ยงทางการเงินของลูกค้า
  4. การจัดการความเสี่ยง: การประเมินความเสี่ยงทางการเงินและจัดการความเสี่ยงในการลงทุน เพื่อให้เหมาะกับระดับความสามารถในการรับความเสี่ยงของลูกค้า
  5. การวางแผนเกี่ยวกับภาษี: การช่วยในการวางแผนเรื่องภาษีเพื่อลดค่าภาษีและเพิ่มผลตอบแทนทางการเงินในการลงทุน
  6. การประเมินและปรับปรุง: การติดตามและประเมินผลการลงทุนของลูกค้าเพื่อปรับปรุงแผนการลงทุนตามเป็นระยะเวลา
  7. การให้คำปรึกษาและการศึกษา: การให้คำปรึกษาและการศึกษาเกี่ยวกับการเงินและการลงทุนเพื่อเสริมความเข้าใจของลูกค้า
  8. การจัดการพอร์ตการลงทุน: การจัดการและสร้างพอร์ตการลงทุนที่ตรงกับเป้าหมายการเงินและการลงทุนของลูกค้า

การเป็นนักวางแผนการลงทุนต้องการความรู้ทางการเงิน, การเชี่ยวชาญในการวางแผนการลงทุน, ทักษะในการใช้เครื่องมือการวิเคราะห์, ความสามารถในการประเมินความเสี่ยงทางการเงิน และการสื่อสารที่ดีเพื่อให้ลูกค้าเข้าใจและรับคำแนะนำในการลงทุนที่ดีที่สุดสำหรับสถานการณ์การเงินของพวกเขาได้

เงินเดือน :

25,000-250,000 บาท

5.โปรแกรมเมอร์ระบบการจัดการฐานข้อมูล
Database Management System Programmer

โปรแกรมเมอร์ระบบการจัดการฐานข้อมูล (Database Management System Programmer) เป็นบุคคลที่มีความเชี่ยวชาญในการพัฒนาและบำรุงระบบการจัดการฐานข้อมูล (Database Management System, DBMS) เพื่อให้ฐานข้อมูลทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัยสำหรับองค์กรหรือกลุ่มลูกค้าของพวกเขา อาชีพนี้มีหน้าที่ที่สำคัญในการสร้างและบริหารจัดการฐานข้อมูลที่สนับสนุนการดำเนินงานทางธุรกิจและการตัดสินใจในองค์กร นี่คือบางสิ่งที่นักโปรแกรมระบบการจัดการฐานข้อมูลทำ:

  1. ออกแบบฐานข้อมูล: นักโปรแกรมระบบการจัดการฐานข้อมูลมีหน้าที่ออกแบบโครงสร้างและโครงสร้างฐานข้อมูลเพื่อให้ข้อมูลถูกจัดเก็บและเรียกใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการกำหนดความสัมพันธ์ระหว่างตารางและฟิลด์ในฐานข้อมูล
  2. พัฒนาและปรับปรุงระบบฐานข้อมูล: การเขียนและพัฒนาโปรแกรมและสคริปต์ที่จำเป็นสำหรับการจัดการฐานข้อมูล เช่น การสร้างตาราง, การเขียนคำสั่ง SQL, และการเพิ่มความสามารถใหม่ในระบบ
  3. ประสานการทำงาน: การทำงานร่วมกับทีมพัฒนาซอฟต์แวร์และผู้ดูแลระบบเพื่อให้ระบบฐานข้อมูลทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย
  4. ทดสอบและปรับปรุง: การทดสอบระบบฐานข้อมูลเพื่อตรวจสอบปัญหาและบั๊ก และปรับปรุงเพื่อให้ระบบทำงานได้อย่างถูกต้อง
  5. การรักษาและการดูแลระบบ: การดูแลระบบการจัดการฐานข้อมูลโดยประจานระบบฐานข้อมูลเพื่อให้มันทำงานอย่างต่อเนื่องและปลอดภัย รวมถึงการสำรองข้อมูลและความต้องการด้านความปลอดภัย
  6. การปรับปรุงประสิทธิภาพ: การวิเคราะห์และปรับปรุงความประสงค์ในการใช้งานของระบบฐานข้อมูล เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
  7. ความปลอดภัยข้อมูล: การรักษาความปลอดภัยข้อมูลในฐานข้อมูล รวมถึงการจัดการสิทธิ์การเข้าถึงและการสร้างการควบคุมการเข้าถึงข้อมูล
  8. การดูแลและอัพเกรดเวอร์ชัน: การดูแลและอัพเกรดระบบฐานข้อมูลเพื่อให้เป็นไปตามความต้องการในอนาคต

นักโปรแกรมระบบการจัดการฐานข้อมูลต้องมีความรู้และความเชี่ยวชาญในฐานข้อมูลและภาษา SQL, ความเข้าใจในระบบการจัดการฐานข้อมูลต่าง ๆ เช่น MySQL, Oracle, SQL Server, PostgreSQL

เงินเดือน :

25,000 – 200,000 บาท

6.นักวิทยาการข้อมูล
Data Scientist

นักวิทยาการข้อมูล (Data Scientist)เป็นบุคคลที่มีความเชี่ยวชาญในการเข้าถึงข้อมูลที่มีขนาดใหญ่และทำความเข้าใจข้อมูลเพื่อสกัดความรู้และข้อสรุปที่มีประโยชน์สำหรับองค์กรหรือธุรกิจของพวกเขา นักวิทยาการข้อมูลใช้เทคนิคทางสถิติ, การเรียนรู้ของเครื่อง, และการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อให้ความสำคัญแก่ข้อมูลที่มีอยู่ และช่วยในการตัดสินใจธุรกิจและการพัฒนาผลิตภัณฑ์หรือบริการใหม่ๆ ต่อไปนี้คือบางสิ่งที่นักวิทยาการข้อมูลทำ:

  1. การสกัดข้อมูล (Data Extraction): การเข้าถึงและสกัดข้อมูลจากแหล่งต่าง ๆ ทั่วไปที่สำคัญเพื่อใช้ในการวิเคราะห์
  2. การวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analysis): การใช้เทคนิคทางสถิติและวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อค้นพบแนวโน้ม, สัญญาณ, และความสัมพันธ์ที่สำคัญ
  3. การสร้างและทดสอบโมเดล (Model Building and Testing): การสร้างและปรับปรุงโมเดลการเรียนรู้ของเครื่อง (Machine Learning Models) เพื่อใช้ในการทำนายและการวิเคราะห์
  4. การสร้างรายงานและการนำเสนอ (Reporting and Presentation): การสร้างรายงานที่ช่วยในการสื่อสารผลลัพธ์ของการวิเคราะห์และข้อมูลที่สำคัญให้กับผู้บริหารและผู้เกี่ยวข้อง
  5. การจัดการข้อมูล (Data Management): การจัดการและควบคุมข้อมูลให้เป็นระเบียบและปลอดภัย เช่น การบริหารจัดการข้อมูลลูกค้าหรือข้อมูลองค์กร
  6. การค้นพบความรู้ (Knowledge Discovery): การค้นพบความรู้และข้อมูลที่มีค่าซึ่งอาจช่วยในการตัดสินใจและการพัฒนาธุรกิจ
  7. การปรับปรุงกระบวนการธุรกิจ (Process Improvement): การใช้ข้อมูลเพื่อวิเคราะห์กระบวนการธุรกิจและปรับปรุงให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
  8. การคาดการณ์และการวางแผน (Forecasting and Planning): การใช้ข้อมูลเพื่อทำนายแนวโน้มและวางแผนการตัดสินใจในอนาคต
  9. การควบคุมคุณภาพข้อมูล (Data Quality Control): การตรวจสอบและรักษาคุณภาพข้อมูลในระบบฐานข้อมูล

นักวิทยาการข้อมูลต้องมีความรู้และความเชี่ยวชาญในการใช้เครื่องมือและโปรแกรมที่เกี่ยวข้องเช่น Python, R, SQL, TensorFlow, PyTorch และเครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูลอื่น ๆ นอกจากนี้ พวกเขาต้องมีความเข้าใจในเศรษฐศาสตร์, ธุรกิจ, และความรู้เชิงเทคนิคเพื่อทำให้ข้อมูลมีความหมายและมีประโยชน์สำหรับองค์กรหรือธุรกิจของพวกเขา

เงินเดือน :

25,000-240,000 บาท

7.Financial Programmer

“Financial Programmer” เป็นบุคคลที่ผสมผสานความรู้ทางการเงินและทักษะในการเขียนโปรแกรมเพื่อพัฒนาซอฟต์แวร์และแอปพลิเคชันทางการเงิน อาชีพนี้มุ่งเน้นการสร้างเครื่องมือและระบบที่ช่วยในการวิเคราะห์การเงินและการลงทุน รวมถึงการจัดการและปรับปรุงกระบวนการทางการเงินให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น นี่คือบางสิ่งที่ Financial Programmer ทำ:

  1. พัฒนาแอปพลิเคชันทางการเงิน: พัฒนาและออกแบบแอปพลิเคชันที่เชื่อมต่อกับธนาคารหรือระบบการเงินอื่น ๆ เพื่อให้ผู้ใช้สามารถทำธุรกรรมทางการเงินได้อย่างสะดวก
  2. สร้างเครื่องมือวิเคราะห์การลงทุน: พัฒนาซอฟต์แวร์ที่ช่วยในการวิเคราะห์และวางแผนการลงทุน รวมถึงการสร้างกราฟและรายงานที่ช่วยในการตัดสินใจการลงทุน
  3. การทำงานกับข้อมูลการเงิน: การเขียนโปรแกรมเพื่อดึงข้อมูลการเงินจากแหล่งข้อมูลต่าง ๆ เช่น ธนาคาร, ตลาดหุ้น, หรือระบบการเงินอื่น ๆ
  4. การควบคุมคุณภาพข้อมูล: การดูแลและควบคุมคุณภาพข้อมูลการเงิน เพื่อให้ข้อมูลถูกต้องและเชื่อถือได้
  5. การออกแบบและพัฒนาฐานข้อมูล: การออกแบบและจัดการฐานข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการเงิน เพื่อเก็บข้อมูลทางการเงินอย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ
  6. การทำงานกับ API การเงิน: การเขียนโปรแกรมเพื่อเชื่อมต่อกับ API (Application Programming Interface) ของบริการการเงินเพื่อรับข้อมูลหรือทำธุรกรรม
  7. การพัฒนาระบบการชำระเงิน: พัฒนาระบบการชำระเงินออนไลน์ที่ปลอดภัยและสะดวกสบายสำหรับลูกค้า
  8. การควบคุมความเสี่ยงทางการเงิน: การพัฒนาและการใช้โมเดลทางความเสี่ยงในการจัดการกับความเสี่ยงทางการเงิน
  9. การปรับปรุงกระบวนการทางการเงิน: การวิเคราะห์และปรับปรุงกระบวนการธุรกิจทางการเงินเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ

Financial Programmers ต้องมีความรู้ทางการเงินและทักษะในการเขียนโปรแกรม นอกจากนี้พวกเขาต้องมีความเข้าใจในข้อมูลการเงินและการสื่อสารกับทีมทางการเงินและทีมพัฒนาซอฟต์แวร์เพื่อแก้ปัญหาและตอบสนองต่อความต้องการขององค์กรในด้านการเงินและลงทุนได้อย่างเหมาะสม

เงินเดือน :

25,000 – 270,000 บาท