ตราสารหนี้ คืออะไร?

การลงทุนนั้นมีผภิตภัณฑ์มากมายและไม่ใช่เรื่องที่ง่ายสำหรับผู้ที่ไม่มีความรู้หรือประสบการณ์ในด้านการเงิน หลายคนอาจรู้จักการลงทุนในหุ้นหรืออสังหาริมทรัพย์มาก่อน แต่การลงทุนในตราสารหนี้อาจเป็นสิ่งที่น้อยคนนักจะรู้ว่ามันเป็นยังไง หรืออาจจะเคยได้ยินผ่านห๔กันมาบ้าง ดังนั้น ในบทความนี้ เราจะมาอธิบายเกี่ยวกับตราสารหนี้ให้ทุกคนได้ทำความรู้จักกัน

1. ตราสารหนี้คืออะไร?

ตราสารหนี้ = เอกสารทางการเงินที่ผูกพันกับหนี้สิน ซึ่งสามารถเป็นการกู้ยืมเงินโดยออกตราสารหนี้ให้กับผู้อื่น หรือเป็นสัญญาการชำระหนี้ที่ถูกจัดทำขึ้นเพื่อยืดเวลาการชำระหนี้ ตัวอย่างของตราสารหนี้ได้แก่ พันธบัตรรัฐ (Government Bonds) หรือ หุ้นกู้ (Corporate Bonds) และตราสารหนี้ที่เป็นผลิตภัณฑ์การเงินอื่น ๆ

ถ้าให้เปรียบเทียบง่าย ๆ คือ เรากลายเป็นเจ้าหนี้ของผู้ขายตราสารหนี้ที่เราซื้อมา เราก็จะได้ดอกเบี้ยจาากการถือไว้ให้ครบกำหนด

พันธบัตรรัฐบาล (Government Bond) = ตราสารหนี้ที่ออกโดยรัฐบาลหรือหน่วยงานภาครัฐ

หุ้นกู้ (Corporate Bond) = ตราสารหนี้ที่ออกโดยบริษัทเอกชน

2. การลงทุนในตราสารหนี้มีประโยชน์อย่างไร?

การลงทุนในตราสารหนี้มีประโยชน์หลายประการ เช่น:

  • รายได้ที่มั่นคง: ตราสารหนี้มักมีอัตราดอกเบี้ยที่กำหนดไว้ล่วงหน้า ทำให้ผู้ถือได้รับรายได้จากดอกเบี้ยเป็นประจำ โดยไม่มีความเสี่ยงต่อรายได้จากผลกำไรหรือขาดทุนของบริษัท
  • ความเสี่ยงต่ำ: ตราสารหนี้มักมีความเสี่ยงต่ำกว่าการลงทุนในหุ้น เนื่องจากมักมีการคืนเงินหรือการชำระเงินที่แน่นอนมากขึ้น
  • ความหลากหลายในการลงทุน: ตราสารหนี้มีหลายประเภทที่มีลักษณะแตกต่างกัน เช่น ตราสารหนี้ระยะสั้น และระยะยาว ซึ่งช่วยให้ผู้ลงทุนสามารถเลือกลงทุนตามวัตถุประสงค์และความเสี่ยงที่ยอมรับได้

ออกโดยบริษัทเอกชนต่างๆ เพื่อระดมทุนในการขยายกิจการ ซื้อเครื่องจักรอุปกรณ์ เป็นต้น ซึ่งต้นทุนทางการเงินของผู้ออกตราสารหนี้ มักจะถูกกว่าการกู้ยืมจากธนาคารพาณิชย์ และส่วนใหญ่จะมีการกำหนดระยะเวลาการออก เช่น 3 ปี 5 ปี 7 ปี 10 ปี 20 ปี เป็นต้น หรือหากไม่มีกำหนดระยะเวลาที่เรียกว่า “หุ้นกู้ชั่วนิรันดร์” (Perpetual Bond) ซึ่งนักลงทุนสามารถศึกษารายละเอียดตราสารหนี้ที่ออกขายในปัจจุบันได้ที่ สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA)

ขอบคุณข้อมูลจาก : https://www.setinvestnow.com/th/bond/types-of-bonds

3. ควรพิจารณาสิ่งใดก่อนลงทุนในตราสารหนี้?

  • เรียนรู้เกี่ยวกับตราสารหนี้: ควรทำความเข้าใจเกี่ยวกับลักษณะและคุณสมบัติของตราสารหนี้แต่ละประเภท เพื่อทำให้เข้าใจเกี่ยวกับความเสี่ยงและผลกระทบต่อการลงทุน
  • ประเมินความเสี่ยง: ควรประเมินความเสี่ยงที่พร้อมยอมรับ และเลือกลงทุนในตราสารหนี้ที่เหมาะสมกับความเสี่ยงนั้น
  • คำนึงถึงอัตราดอกเบี้ย: ควรพิจารณาอัตราดอกเบี้ยที่ได้รับจากการลงทุนเปรียบเทียบกับความเสี่ยงที่ต้องรับ
  • ค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่าย: ควรพิจารณาค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการลงทุน เพื่อประเมินผลกระทบต่อผลตอบแทนจากการลงทุน